เมื่อความสนใจในกิจกรรมสามารถเสริมพัฒนาการด้านการเรียนได้ |
|
อ้างอิง
อ่าน 9 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
Canadian international schools
|

เราอาจจะเคยแต่ได้ยินคำว่า เรื่องเรียนเป็นหลัก กิจกรรมเป็นเรื่องรอง แต่ใครจะรู้ได้ว่า หลายคนนั้นกับทำเรื่องกิจกรรมได้สมบูรณ์แบบและทำออกมาได้อย่างดีมากๆ โดยที่ไม่กระทบต่อผลการเรียน กลับกันยังส่งเสริมให้การเรียนนั้นยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะสามารถนำมาปรับใช้ได้กับการเรียน แม้ว่าความสนใจในเรื่องกิจกรรมจะมีมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความใส่ใจในห้องเรียนนั้นลดน้อยลง
จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมหลายๆคนถึงได้แบ่งเวลาได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะทำกิจกรรมนอกห้องเรียน หรือเรื่องการเรียน การอ่านหนังสือ ทักษะในเรื่องนี้นั้นส่วนมากจะมาพร้อมกับการเลี้ยงดูและการใส่ใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่เห็นความสำคัญของทั้งเรื่องเรียน งานอดิเรกและกิจกรรม ที่ควรนำมาผสมผสานให้สอดคล้องกัน เปรียบได้กับหลักสูตรการศึกษาแบบต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแบบอเมริกัน อังกฤษ หรือจะแบบ Canadian international schools ที่แตกต่างกับหลักสูตรของไทยอย่างมาก เนื่องจากเรายังเน้นไปที่วิชาวิชาการและบางวิชาก็ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับการเรียน อีกทั้งยังมีการบ้านที่เยอะเกินไปจนเด็กเครียดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นให้ความใส่ใจลูกหลานในเรื่องการเรียน เพราะเด็กอาจมีภาวะความเครียดและส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็กในระยะยาวอีกด้วย เว็บไซต์ mentalhealthtx ได้แชร์บทความไว้ว่า ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่นนั้นพบได้บ่อยกว่าที่ผู้คนคิด โชคดีที่ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่รักษาได้! ประมาณ 10-20% ของวัยรุ่นทั่วโลกประสบปัญหาสุขภาพจิต แต่เด็กจำนวนมากเหล่านี้ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่ได้รับการรักษา การไม่จัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของวัยรุ่นส่งผลกระทบต่อชีวิตในภายหลัง ทำร้ายทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ และจำกัดโอกาสในการมีชีวิตที่สมบรูณ์แบบผู้ใหญ่ การตระหนักถึงสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตและการดำเนินการที่เหมาะสมกับคุณหรือคนที่คุณรักสามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ยั่งยืน เป็นที่ชัดเจนว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นประเด็นเร่งด่วนสำหรับวัยรุ่น ปัญหาเหล่านี้จำนวนมากมีลักษณะและความรู้สึกเหมือนกันในช่วงวัยรุ่นเช่นเดียวกับในวัยผู้ใหญ่ Depression และ ความวิตกกังวล เป็นปัญหาสุขภาพจิตสองประการที่มีสัญญาณสอดคล้องกันในหมู่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ การศึกษาที่อ้างถึงโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบว่า 7.1% ของเด็กอายุ 3-17 ปี (ประมาณ 4.4 ล้านคน) มีความวิตกกังวลและ 3.2% ของเด็กอายุ 3-17 ปี (ประมาณ 1.9 ล้านคน) มี วินิจฉัยโรคซึมเศร้า มีความผิดปกติทางจิตบางอย่างที่เริ่มต้นและ/หรือพบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น ซึ่งรวมถึงความผิดปกติของการกิน โรคสมาธิสั้น (ADHD) และการทำร้ายตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความผิดปกติของสุขภาพจิตที่เฉพาะเจาะจงยิ่งพบและได้รับการแก้ไขก่อนหน้านี้การรักษาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
|
|
Canadian international schools [58.136.159.xxx] เมื่อ 11/07/2022 16:00
|