โรคซิกาอาจทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้

แอนติบอดีที่จำเพาะต่อไวรัส Zika ที่ผิดปกติแสดงการวางตัวเป็นกลางที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
แอนติบอดีชนิดที่ผิดปกติซึ่งแม้ในระดับเล็กๆ สามารถทำให้ไวรัสซิกาเป็นกลางและทำให้ไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อไวรัสในแบบจำลองพรีคลินิกได้ โดยทีมวิจัยที่นำโดย Weill Cornell Medicine, NewYork-Presbyterian และ National Institutes of Health (NIH)
 
เนื่องจากโรคซิกาอาจทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้เมื่อส่งต่อจากคนตั้งครรภ์ไปยังทารกในครรภ์ การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาเพื่อปกป้องทารกจากผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากโรคนี้
 
ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ใน Cell ผู้วิจัยได้แยกแอนติบอดีอิมมูโนโกลบูลิน M (IgM) ที่มีศักยภาพสูงพิเศษ -; โปรตีนภูมิคุ้มกันห้าอาวุธที่ยึดเกาะกับไวรัส-; โดยใช้เซลล์เม็ดเลือดที่ได้มาจากหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อซิกา ในการทดลองกับหนู พวกเขาพบว่าแอนติบอดีไม่เพียงแต่ป้องกันสัตว์จากการติดเชื้อที่ร้ายแรงเท่านั้น แต่ยังยับยั้งไวรัสจนถึงจุดที่ไม่สามารถตรวจพบได้ในเลือดของพวกมัน
 
ปัจจุบัน Zika กำลังแพร่ระบาดในระดับต่ำในประเทศเขตร้อนหลายแห่ง แต่นั่นย่อมจะเปลี่ยนแปลง ตามที่ผู้เขียนร่วมอาวุโส Dr. Sallie Permar, Nancy C. Paduano สล็อต ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์และประธานกุมารเวชศาสตร์ที่ Weill Cornell Medicine และกุมารแพทย์ใน- หัวหน้าศูนย์การแพทย์ NewYork-Presbyterian/Weill Cornell และโรงพยาบาลเด็ก NewYork-Presbyterian Komansky ดร. Mattia Bonsignori หัวหน้าหน่วยวิทยาภูมิคุ้มกันการแปลของห้องปฏิบัติการโรคติดเชื้อ สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NIH เป็นผู้ร่วมเขียนอาวุโส
 
สิ่งสำคัญคือเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดของโรคซิกาอีกครั้ง'
 
ดร. Sallie Permar, Nancy C. Paduano ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์และประธานกุมารเวชศาสตร์ที่ Weill Cornell Medicine
 
ณ จุดนี้ แพทย์ยังไม่มีวัคซีนหรือการรักษาที่ได้รับการอนุมัติให้ผู้ป่วย จากการวิจัยเพิ่มเติม แอนติบอดีนี้มีศักยภาพในการช่วยเติมเต็มช่องว่างนั้น ตามที่ดร. Permar กล่าว 'มีความเป็นไปได้ 2 วิธีที่เป็นไปได้: เพื่อลดระดับของ Zika ในเลือดของหญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว หรือเป็นมาตรการป้องกันสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสระหว่างการระบาด'
 
ไวรัส Zika แพร่เชื้อโดยยุงลาย Aedes aegypti มักทำให้เกิดอาการป่วยเล็กน้อยในผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อไวรัสซิกาในหญิงตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดที่รุนแรง รวมถึงศีรษะที่เล็กผิดปกติและสมองของทารกถูกทำลาย
 
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
โมโนโคลนอลแอนติบอดีแสดงประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียในผู้ใหญ่ชาวแอฟริกัน
การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ทำให้ความเข้มข้นของแอนติบอดีสูงขึ้นในผู้ที่มีปฏิกิริยากับวัคซีน
นักวิทยาศาสตร์ระบุแอนติบอดีที่ทำให้เป็นกลางในวงกว้างต่อสายพันธุ์ SARS-CoV-2 ที่เด่นทั้งหมด
ระหว่างการระบาดของซิกาที่เริ่มขึ้นในปี 2015 นักวิจัยในบราซิล นำโดยผู้เขียนร่วม Dr. Reynaldo Dietze จาก Global Health and Tropical Medicine และ Federal University of Espίrito Santo และ Dr. Camila Giuberti จาก Federal University of Espίrito Santo เก็บตัวอย่างเลือดจากหญิงตั้งครรภ์ที่มีการติดเชื้อ ทีมตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ที่ติดเชื้อ Zika แต่ได้ให้กำเนิดทารกที่ดูแข็งแรง เนื่องจากพวกเขาสงสัยว่าผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีแอนติบอดีที่สามารถป้องกันการติดเชื้อแต่กำเนิดได้
 
ผู้ป่วยรายหนึ่งให้กำเนิดทารกที่มีสุขภาพแข็งแรง แม้ว่าตรวจพบเชื้อซิกาในเลือดเป็นเวลาเกือบสองเดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานผิดปกติ ทีมห้องปฏิบัติการซึ่งนำโดยผู้เขียนคนแรก Dr. Tulika Singh อดีตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ Duke University Medical Center ซึ่งห้องปฏิบัติการของ Dr. Permar ตั้งอยู่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ และตอนนี้เป็นเพื่อนหลังปริญญาเอกที่ University of California, Berkeley พบว่าพวกเขา บีเซลล์ผลิตแอนติบอดี IgM ที่มีความสามารถในการป้องกันอนุภาคไวรัสจากการบุกรุกเซลล์
 
การระบุตัวตนของแอนติบอดีนี้เรียกว่า DH1017.IgM ทำให้ผู้ตรวจสอบประหลาดใจเพราะมันเป็นของแอนติบอดีชนิดที่อ่อนแอกว่าและเจริญน้อยกว่าซึ่งผลิตขึ้นในช่วงต้นของการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ การทำงานที่มีศักยภาพของแอนติบอดีนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแอนติบอดี IgM เมื่อผู้ทำงานร่วมกันตรวจสอบโครงสร้างโมเลกุลเมื่อจับกับไวรัส พวกเขาพบว่าแขนหลายแขนสามารถยึดเข้ากับอนุภาคของไวรัสได้พร้อมกัน การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าแอนติบอดี IgM อาจมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันไวรัส Zika และไวรัสอื่น ๆ ผู้เขียนแนะนำ
 
เพื่อพัฒนาแอนติบอดีสู่การบำบัด นักวิจัยวางแผนที่จะเริ่มทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของแอนติบอดีที่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ในรูปแบบพรีคลินิกเพิ่มเติม เมื่อนึกถึงการที่คนตั้งครรภ์ถูกกันออกจากการทดลองวัคซีนโควิด-19 ดร. เพอร์มาร์เน้นย้ำว่าเมื่อมีการศึกษาในมนุษย์เกี่ยวกับการรักษาหรือการป้องกันแบบใหม่สำหรับซิกา จะต้องรวมการศึกษาเหล่านั้นไว้ด้วย “คนท้องเป็นประชากรที่ต้องการวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับซิกา” เธอกล่าว 'การรับวัคซีนป้องกันซิกาและการรักษาที่ปลอดภัยในการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทันทีที่มีหลักฐานการระบาด'