สถิติ
เปิดเมื่อ14/09/2015
อัพเดท28/09/2015
ผู้เข้าชม11453
แสดงหน้า13157
ปฎิทิน
May 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
    
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31




อย่าให้ความเครียดและความกังวลใจมีผลต่อสุขภาพของลูกในท้อง

อย่าให้ความเครียดและความกังวลใจมีผลต่อสุขภาพของลูกในท้อง
อ้างอิง อ่าน 3 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง

NGG

การตั้งครรภ์คือช่วงเวลาพิเศษของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นช่วงที่ร่างกายและจิตใจต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้กำเนิดชีวิตใหม่ แต่ในความงดงามของการตั้งครรภ์นั้น ก็มักแฝงไว้ด้วยความเปราะบาง โดยเฉพาะเรื่องของ “อารมณ์” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ความเครียด ความกังวลใจ หรือภาวะอารมณ์ไม่มั่นคงของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์อย่างไม่คาดคิด ในช่วงตั้งครรภ์ ระบบฮอร์โมนของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก หากคุณแม่มีความเครียด ฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) จะหลั่งออกมาในปริมาณมาก และสารเคมีนี้สามารถส่งผ่านรกไปยังทารก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง ระบบประสาท และอวัยวะอื่นๆ ของลูกได้ นอกจากนี้ ความเครียดเรื้อรังยังอาจทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง คลอดก่อนกำหนด หรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ไม่เพียงแต่กระทบต่อแม่ แต่ยังส่งผลระยะยาวต่อลูก

ในด้านจิตใจ ความกังวลใจของคุณแม่ เช่น กลัวการคลอด กลัวเลี้ยงลูกไม่ดี รอผลผลตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม กลัวปัญหาการเงิน หรือปัญหาครอบครัว หากไม่ได้รับการพูดคุยหรือปลดปล่อย อาจทำให้เกิดภาวะเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น นอนไม่หลับ รับประทานอาหารได้น้อย ไม่อยากทำกิจกรรม ซึ่งส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง รับรู้และยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่มีใครไม่เครียดโดยสิ้นเชิง แต่การยอมรับว่าตนเองรู้สึกอย่างไร คือก้าวแรกของการดูแลจิตใจ ลองเขียนไดอารี่ พูดคุยกับคนใกล้ตัว หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเมื่อรู้สึกว่าความเครียดเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ใช้ศิลปะหรือกิจกรรมสร้างสรรค์บำบัดจิตใจ การระบายความรู้สึกผ่านการวาดภาพ ระบายสี ถักไหมพรม หรือฟังดนตรีเบาๆ ช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขอย่างเอ็นดอร์ฟิน ทำให้จิตใจสงบและรู้สึกมีคุณค่าในตนเองมากขึ้น ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เดินเล่นในสวน ทำโยคะสำหรับคนท้อง หรือฝึกหายใจลึกๆ ล้วนช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกาย และยังช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ล้อมรอบตัวเองด้วยพลังบวก หลีกเลี่ยงข่าวสารหรือสื่อที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หันมาอ่านหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจ ดูหนังที่ทำให้ยิ้ม หรือฟังเรื่องเล่าของคุณแม่ที่ผ่านประสบการณ์ดีๆ จะช่วยให้รู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่ลำพัง ได้รับการสนับสนุนจากคู่ครองและครอบครัว การได้รับการเข้าใจและสนับสนุนจากคนรอบตัว โดยเฉพาะจากสามีหรือผู้เป็นพ่อของลูก จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกปลอดภัย มั่นคง และมั่นใจในบทบาทของตนเองมากขึ้น แม้ลูกจะยังอยู่ในครรภ์ แต่เขาสามารถรับรู้เสียง การสัมผัส และอารมณ์ของแม่ได้ การพูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกฟัง ไม่เพียงแต่สร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกใกล้ชิดกับลูก และลดความวิตกกังวลลงได้

 
NGG [58.136.147.xxx] เมื่อ 30/04/2025 15:11
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
รูปประกอบความคิดเห็น :
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
อีเมล์ :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :