เมื่อต้องทำงานในสถานที่อับอากาศ ควรดูแลสุขภาพอย่างไร |
|
อ้างอิง
อ่าน 3 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
SEmed
|

การทำงานในสถานที่อับอากาศเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่จำกัดและขาดแคลนออกซิเจน อาจมีก๊าซพิษ หรือฝุ่นละอองที่อันตรายปะปนอยู่ การดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่พนักงานและนายจ้างต้องให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอับอากาศ โดยเน้นการตรวจสมรรถภาพปอดและหัวใจ รวมถึงการตรวจหาโรคประจำตัวที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานในที่อับอากาศ เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ หรือโรคลมชัก หากมีอาการผิดปกติควรงดเว้นการเข้าทำงานในพื้นที่ดังกล่าว พนักงานทุกคนที่ต้องทำงานในที่อับอากาศต้องได้รับการอบรมเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำงานที่ปลอดภัย การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) อย่างถูกต้อง รวมถึงวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การดูแลสุขภาพเมื่อต้องทำงานในสถานที่อับอากาศไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างพนักงานและนายจ้าง การปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด การเตรียมพร้อม และการสังเกตอาการผิดปกติ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ เตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้พร้อม อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แก่ เครื่องช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศ (SCBA) หรือเครื่องช่วยหายใจชนิดมีท่อส่งอากาศ (Airline Respirator) ที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพดีและมีปริมาณอากาศเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีชุดป้องกันสารเคมี ถุงมือ แว่นตานิรภัย และหมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับลักษณะงาน ก่อนเข้าทำงานทุกครั้ง ต้องทำการตรวจวัดปริมาณออกซิเจน ก๊าซพิษ และก๊าซที่ติดไฟได้ภายในพื้นที่อับอากาศ หากพบความผิดปกติควรงดการเข้าทำงานจนกว่าจะมีการระบายอากาศที่เพียงพอและปริมาณก๊าซอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ควรกำหนดขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ระบุผู้รับผิดชอบ และมีระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างผู้ที่อยู่ภายในและภายนอกพื้นที่อับอากาศ ควรมีผู้เฝ้าระวังอยู่ภายนอกตลอดเวลาที่ทำการทำงาน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ห้ามละเลยขั้นตอนใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่อุปกรณ์ PPE ตลอดเวลา การตรวจสอบเครื่องวัดก๊าซเป็นระยะ หรือการรักษาการสื่อสารกับผู้เฝ้าระวัง หากรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจลำบาก หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบแจ้งผู้เฝ้าระวังทันที และออกจากพื้นที่นั้นๆ หากทำได้ เพื่อนร่วมงานควรช่วยสังเกตอาการของกันและกันด้วย การทำงานในพื้นที่อับอากาศเป็นงานที่ใช้พลังงานมาก และอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้าได้ง่าย ควรมีการพักเป็นระยะ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวและลดความเสี่ยงจากการขาดออกซิเจนหรือการได้รับสารพิษสะสม หากเป็นไปได้ ควรจัดให้มีการระบายอากาศภายในพื้นที่อับอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีอากาศบริสุทธิ์หมุนเวียนและลดความเข้มข้นของก๊าซอันตราย หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังจากการทำงาน เช่น ปวดศีรษะ เวียนหัว อ่อนเพลีย หรือหายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา ควรทำความสะอาดร่างกายและอุปกรณ์ PPE อย่างละเอียด เพื่อกำจัดสารเคมีหรือฝุ่นละอองที่อาจติดมา และเก็บรักษาอุปกรณ์ในสภาพพร้อมใช้งานสำหรับการทำงานครั้งต่อไป
|
|
SEmed [58.136.155.xxx] เมื่อ 25/07/2025 14:06
|